เวลาซื้อเครื่องปรับอากาศ หลายคนคงได้ยินคำว่า BTU อยู่บ่อยๆ แต่ก็คงไม่เข้าใจนักว่า BTU คืออะไรและสำคัญอย่างไร วันนี้ผมจะมาอธิบายให้ฟังง่ายๆ ครับ
BTU ย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit เป็นหน่วยวัดปริมาณความร้อนของประเทศอังกฤษ เช่น เครื่องปรับอากาศที่มีขนาด 9,000 BTU ต่อชั่วโมง หมายถึง เครื่องปรับอากาศนี้ดึงความร้อนออกจากห้องได้ 9,000 BTU ภายใน 1 ชั่วโมง หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วความร้อน 1 BTU มันมีขนาดเท่าไร 1 BTU คือความร้อนที่ทำให้น้ำ 1 ปอนด์ (0.45 กิโลกรัม) เปลี่ยนแปลงไป 1 องศาฟาเรนไฮต์ (0.56 องศาเซลเซียส) ดังนั้นถ้า BTU ยิ่งมาก ก็หมายความว่าเครื่องปรับอากาศยิ่งดึงความร้อนออกจากห้องได้มากนั่นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้ คงมีคำถามต่อใช่มั้ยครับว่าแล้วเราจะเลือกขนาด BTU ของเครื่องปรับอากาศ ให้เหมาะกับขนาดห้องได้อย่างไร เราใช้สูตรด้านล่างคำนวณได้ง่ายๆ ครับ คือ
BTU = [กว้าง (เมตร) x ยาว (เมตร) x สูง (เมตร) x ตัวแปร] / 3
ตัวแปร หมายถึงปัจจัยภายนอกที่เราต้องนำมาคำนวณเพิ่ม เช่น
- ห้องนอน ห้องที่เปิดแอร์เฉพาะตอนกลางคืน หรือห้องที่โดนแดดเล็กน้อย คูณเพิ่ม 800
- ห้องรับแขก ห้องที่เปิดแอร์เฉพาะตอนกลางวัน หรือห้องที่โดนแดดปานกลาง คูณเพิ่ม 900
- ห้องทำงาน ห้องที่เปิดแอร์ตลอดเวลา หรือห้องที่โดนแดดมาก คูณเพิ่ม 1,000
- ร้านค้าหรือสำนักงานที่มีคนอยู่จำนวนมาก คูณเพิ่ม 1,200
ตัวอย่างเช่น ห้องนอนขนาด กว้าง 5 เมตร ยาว 7 เมตร สูง 3.5 เมตร ควรใช้แอร์ขนาดกี่ BTU
วิธีคำนวณคือ [5 x 7 x 3.5 x 800 (ตัวแปรของห้องนอน)] หารด้วย 3 = 32,666 BTU (ประมาณ 33,000 BTU อาจจะเลือก BTU ที่มากกว่า หรือน้อยกว่าที่คำนวณไว้ประมาณ 1,000 ก็ได้ครับ)
ในกรณีที่ห้องต่ำกว่า 3 เมตร อาจใช้สูตรตามด้านล่าง คือ
BTU = กว้าง (เมตร) x ยาว (เมตร) x ตัวแปร
ตัวอย่างเช่น ห้องนอนขนาด กว้าง 5 เมตร ยาว 7 เมตร สูง 2.5 เมตร ควรใช้แอร์ขนาดกี่ BTU
วิธีคำนวณคือ 5 x 7 x 800 (ตัวแปรของห้องนอน) = 28,000 BTU (อาจจะเลือก BTU ที่มากกว่า หรือน้อยกว่าที่คำนวณไว้ประมาณ 1,000 ก็ได้ครับ)
หลายคนคงไม่รู้ว่าการเลือก BTU ที่ไม่เหมาะสมกับขนาดของห้องจะส่งผลเสียมากมาย เรามาดูกันครับว่าถ้าเราเลือก BTU สูงหรือต่ำเกินไปจะเป็นอย่างไร
หากเราเลือก BTU ที่สูงเกินไป จะมีผลเสียดังนี้
- คอมเพรสเซอร์แอร์ (ส่วนที่ทำให้อากาศเย็น) จะตัดบ่อยขึ้น นอกจากจะรำคาญเสียงที่ตัดบ่อยๆ แล้ว ยังทำให้คอมเพรสเซอร์เสียเร็วอีกด้วย
- ความชื้นในห้องสูงเกินไป เพราะความร้อนถูกดึงออกไปจากห้องมาก ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว
- สิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ
หากเราเลือก BTU ที่ต่ำเกินไป จะมีผลเสียดังนี้
- คอมเพรสเซอร์แอร์จะทำงานตลอดเวลา เพราะห้องไม่เย็นตามอุณหภูมิที่กำหนด
- เครื่องปรับอากาศเสียเร็ว เพราะทำงานตลอดเวลา
- สิ้นเปลืองพลังงาน
การคำนวณด้านบนเป็นการคำนวณ BTU คร่าวๆ เนื่องจากมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อการเลือกขนาด BTU อีก เช่น ทิศที่แดดส่อง ชนิดของหลังคา จำนวนคนในห้อง จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้อง ความถี่ในการเปิดปิดประตู จำนวนหน้าต่าง ลักษณะของผนังห้อง การไหลเวียนอากาศภายในห้อง เป็นต้น
รู้แบบนี้แล้วเราก็สามารถคำนวณ BTU ที่เหมาะสมได้ง่ายๆ ดังนั้นก่อนซื้อเครื่องปรับอากาศ อย่าลืมสังเกต BTU ได้จากฉลากประหยัดไฟเบอร์ห้านะครับ การซื้อเครื่องปรับอากาศที่มี BTU เหมาะสม นอกจากจะช่วยประหยัดไฟฟ้าแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องปรับอากาศอีกด้วยครับ